Loading...

การพัฒนาภาวะผู้นำ (Leadership Development)

การพัฒนาภาวะผู้นำ (Leadership Development) เป็นหัวใจสำคัญของการขับเคลื่อนองค์กรไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน มาดูรายละเอียดกันแบบเจาะลึก


ส่วนที่ 1: ทำไมการพัฒนาผู้นำในองค์กรไทยถึงสำคัญ?

การพัฒนาผู้นำในบริบทไทยไม่ได้เป็นเพียงแค่การฝึกทักษะ แต่เป็นการสร้าง “บุคคลากรต้นแบบ” ที่จะช่วยรักษาวัฒนธรรมองค์กรและนำการเปลี่ยนแปลง

ความท้าทายในตลาดแรงงานไทย:

  • สงครามแย่งชิง Talent: คนเก่งมีจำกัด การพัฒนาผู้นำจากภายในจึงเป็นกลยุทธ์ที่ชาญฉลาด
  • การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล: ผู้นำรุ่นใหม่ต้องสามารถพาองค์กรผ่านการเปลี่ยนแปลงนี้ได้
  • ความคาดหวังของพนักงานรุ่นใหม่: พนักงาน Gen Y และ Gen Z ต้องการทำงานกับ “ผู้จัดการ” ที่เป็น “โค้ช” และ “ผู้นำ” ที่มีวิสัยทัศน์

ผลกระทบจากการไม่พัฒนาผู้นำ:

  • พนักงานลาออกเพราะเบื่อหัวหน้า ไม่ใช่เบื่องาน
  • ทีมงานขาดแรงจูงใจและทิศทาง
  • องค์กรสูญเสียความรู้ (Knowledge Loss) เมื่อผู้นำรุ่นเก่าลาออกหรือ退休

ส่วนที่ 2: โมเดลการพัฒนาผู้นำแบบ 70-20-10

โมเดลสากลนี้สามารถปรับใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพในองค์กรไทย

1. 70% – การเรียนรู้ผ่านการทำงาน (Experiential Learning)
เป็นการพัฒนาที่ได้ผลที่สุด โดยให้ผู้บริหารรุ่นใหม่ได้ “ลงมือทำจริง”

  • มอบหมายโปรเจคสำคัญ: ให้ดูแลโปรเจคข้ามสายงาน หรือโปรเจคที่ท้าทาย
  • Job Rotation: โยกย้ายไปทำงานในแผนกอื่นเพื่อเพิ่มมุมมอง (เช่น จากฝ่ายขายไปฝ่ายการตลาด)
  • Stretch Assignment: มอบหมายงานที่ยากกว่าความสามารถในปัจจุบันเล็กน้อย เพื่อ “ยืด” ขีดความสามารถ

2. 20% – การเรียนรู้ผ่านผู้คน (Social Learning)
การใช้ความสัมพันธ์และเครือข่ายในการเรียนรู้

  • การมี Mentor: คู่ชี้แนะซึ่งโดยปกติผู้บริหารระดับสูงที่มีประสบการณ์ คอยให้คำปรึกษาในมุมมองการเมืององค์กรและหลักการบริหาร
  • การมี Coach: ครูฝึกที่ช่วยพัฒนาทักษะและพฤติกรรมเฉพาะด้าน
  • Peer Learning: การสร้างเครือข่ายผู้บริหารรุ่นใหม่ในองค์กรเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน

3. 10% – การเรียนรู้ผ่านการฝึกอบรม (Formal Learning)
เป็นการเรียนรู้ในห้องเรียนหรือระบบ e-Learning

  • หลักสูตรการบริหารจัดการ (Management Courses): เรื่องการตั้งเป้าหมาย, การมอบหมายงาน, การติดตามผล
  • หลักสูตรภาวะผู้นำ (Leadership Courses): เรื่องการสร้างแรงบันดาลใจ, การคิดเชิงกลยุทธ์
  • Workshop เฉพาะด้าน: เช่น การสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ, การจัดการความขัดแย้ง

ส่วนที่ 3: Competency Model สำหรับผู้นำไทย

สมรรถนะหลัก (Core Competencies) ที่ผู้นำองค์กรไทยควรมี

1. ด้านการคิดเชิงกลยุทธ์ (Strategic Thinking)

  • ความสามารถในการมองภาพใหญ่ และเชื่อมโยงงานของทีมกับเป้าหมายองค์กร
  • การวิเคราะห์แนวโน้มตลาดและคู่แข่งขัน

2. ด้านการขับเคลื่อนผลการดำเนินงาน (Driving Execution)

  • การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน (ด้วย OKRs/KPIs)
  • การติดตามผลและรับผิดชอบต่อผลลัพธ์ (Accountability)

3. ด้านการพัฒนาคน (Developing People)

  • การเป็นโค้ช (Coaching): ใช้คำถามเพื่อกระตุ้นให้ลูกทีมคิดและพัฒนาตนเอง
  • การมอบหมายงานอย่างมีประสิทธิภาพ (Delegation): มอบหมายงานที่ท้าทายและให้อำนาจในการตัดสินใจ
  • การให้ฟีดแบ็กที่มีคุณค่า: ให้ฟีดแบ็กที่เจาะจง, สร้างสรรค์ และช่วยในการพัฒนา

4. ด้านการสร้างความสัมพันธ์และทีมงาน (Building Relationships & Teamwork)

  • การสร้างความไว้วางใจ (Trust) และสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย
  • การทำงานร่วมกับแผนกอื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

5. ด้านการสื่อสาร (Effective Communication)

  • การสื่อสารที่ชัดเจน ตรงไปตรงมา แต่ยังคงความเกรงใจ
  • การฟังอย่างลึกซึ้ง (Deep Listening)

ส่วนที่ 4: รูปแบบโปรแกรมการพัฒนาผู้นำ

1. High-Potential Program (โปรแกรมพัฒนาผู้มีศักยภาพสูง)

  • กลุ่มเป้าหมาย: พนักงานที่ถูกระบุว่าเป็น “ไฮโป” (Hi-Po) ซึ่งมีศักยภาพจะก้าวสู่ตำแหน่งผู้จัดการในอนาคต
  • เนื้อหา: เน้นการพัฒนาทักษะการจัดการเบื้องต้น, การคิดเชิงกลยุทธ์, และการสร้างเครือข่ายในองค์กร

2. First-Time Manager Program (โปรแกรมผู้จัดการมือใหม่)

  • กลุ่มเป้าหมาย: พนักงานที่แค่ได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้จัดการครั้งแรก
  • เนื้อหา: เน้นทักษะการจัดการคนโดยตรง เช่น การมอบหมายงาน, การให้ฟีดแบ็ก, การประเมินผลงาน, การจัดการความขัดแย้ง

3. Senior Leadership Program (โปรแกรมผู้บริหารระดับสูง)

  • กลุ่มเป้าหมาย: ผู้จัดการระดับสูงที่เตรียมพร้อมสู่ตำแหน่ง C-Level
  • เนื้อหา: เน้นการคิดเชิงนโยบาย, การบริหารการเปลี่ยนแปลงทั้งองค์กร, การสร้างวัฒนธรรมองค์กร

ส่วนที่ 5: ข้อควรระวังในการพัฒนาผู้นำในบริบทไทย

1. ความเกรงใจและการไม่กล้าแสดงความคิดเห็น

  • ปัญหา: ผู้เข้าอบรมอาจไม่กล้าถกเถียงหรือแสดงความเห็นที่แตกต่างกับ Mentor หรือเพื่อนร่วมรุ่น
  • แก้ไข: ผู้อบรมต้องสร้างบรรยากาศที่ “ปลอดภัย” (Safe Environment) และส่งเสริมวัฒนธรรมการฟังความคิดเห็นที่หลากหลาย

2. ค่านิยมความอาวุโส

  • ปัญหา: ผู้นำรุ่นใหม่อาจรู้สึกไม่มั่นใจในการบริหารงานลูกทีมที่อายุมากหรือมีประสบการณ์มากกว่า
  • แก้ไข: ฝึกทักษะการสร้าง “ความน่าเชื่อถือ” (Credibility) จากการแสดงให้เห็นถึงความสามารถและความตั้งใจจริง

3. การสื่อสารแบบ indirect

  • ปัญหา: การให้ฟีดแบ็กโดยตรงอาจทำให้อีกฝ่าย “เสียหน้า”
  • แก้ไข: ฝึกทักษะการให้ฟีดแบ็กแบบเจาะจงและสร้างสรรค์ โดยยังคงความนุ่มนวลและเคารพในความรู้สึกของอีกฝ่าย

4. การวัดผล

  • ปัญหา: การพัฒนาภาวะผู้นำวัดผลได้ยาก
  • แก้ไข: ใช้เครื่องมือหลายอย่างประกอบกัน เช่น
    • ก่อน-หลัง ฝึกอบรม: ใช้แบบประเมิน 360 องศา เพื่อดูการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรม
    • ติดตามผลลัพธ์ทางธุรกิจ: ดูผลการทำงานของทีมที่ผู้นำคนนั้นบริหาร (KPIs ของทีม)
    • การสำรวจความพึงพอใจของลูกทีม: เช่น การวัดคะแนน Engagement ของพนักงานในทีม

สรุป

การพัฒนาภาวะผู้นำในองค์กรไทยที่ประสบความสำเร็จ ต้องเป็นโปรแกรมที่ “ออกแบบมาเฉพาะ” โดยคำนึงถึงวัฒนธรรมไทย และมุ่งสร้างสมดุลระหว่าง “ความทันสมัย” ในการบริหารงานและ “ความเข้าใจ” ในบริบททางสังคมแบบไทย

ผู้นำที่ดีในยุคใหม่ไม่ใช่แค่ “บอส” ที่สั่งการ แต่เป็น “โค้ช” ที่พัฒนาคน และ “ผู้นำ” ที่สร้างแรงบันดาลใจ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *